ฟันปลอม คือฟันสังเคราะห์ที่มาทดแทนฟันจริงที่สูญเสียไป ทั้งจากอายุขัยของฟันที่หมดลงในบางรายของผู้ป่วย หรือจากอุบัติเหตุที่จำต้องสูญเสียฟันแท้ไป แม้ฟันปลอมอาจต้องใช้เวลาในการสร้างความคุ้นเคยในการใช้งาน แต่ปัจจุบัน นวตักรรมของการสร้างฟันปลอมก็ทำให้ฟันปลอมมีรูปลักษณ์และสัมผัสคล้ายฟันจริงมาก ทำให้ผู้ใช้งานคุ้นชินกับฟันปลอมได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
ฟันปลอมจำเป็นไหม
หากเราสูญเสียฟันแท้ไป และไม่มีโอกาสที่จะมีซี่ฟันใหม่งอกขึ้นมาอีก หากไม่ใส่ฟันปลอม (หรือฟันเทียมในอีกชื่อหนึ่ง) อาจส่งปัญหาเรื่องการล้มเอียงของฟันข้างเคียง และการยื่นยาวของฟันคู่สบ จะมีปัญหาข้อต่อขากรรไกร หรือหากฟันที่สูญเสียไปเป็นฟันหน้า ก็อาจส่งผลถึงการออกเสียงที่ไม่ชัดได้ด้วยนะคะ ดังนั้น การใส่ฟันปลอมไม่ใช่เพียงเพราะเรื่องความสวยงามของช่องปากเท่านั้น หากยังช่วยหยุดปัญหาที่จะเกิดขึ้นหากแถวฟันของเราไม่มีฟันขึ้นครบอย่างที่ควรเป็นด้วยค่ะ
ฟันปลอมมีกี่แบบ
ฟันปลอม สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท ได้แก่
- ฟันปลอมแบบถอดได้บางส่วน สำหรับคนไข้บางรายที่ยังมีฟันจริงหลงเหลืออยู่ในช่องปาก สามารถทำฟันปลอมแบบถอดได้บางส่วนได้ โดยโครงฟันปลอมสามารถแบ่งออกได้ 3 ประเภทตามความต้องการ ดังนี้
1.1 ฟันปลอมฐานพลาสติก ฟันปลอมประเภทนี้จะเหมาะสำหรับเป็นฟันปลอมชั่วคราว หรือผู้ป่วยที่มีฟันหายไปไม่มาก ซึ่งฐานพลาสติกจะค่อนข้างมีความหนา สำหรับผู้ใช้งานที่ยังไม่คุ้นชินในช่วงแรกอาจเกิดความรำคาญบ้าง แต่เมื่อใช้งานไปสักพักก็จะเริ่มปรับตัวได้
1.2 ฟันปลอมฐานยืดหยุ่น ฐานของฟันปลอมประเภทนี้ทำมาจากพลาสติกเช่นกัน แต่ประเภทของพลาสติกนั้นจะแตกต่างกับพลาสติกของฟันปลอมประเภทแรก เหมาะกับผู้ที่ต้องการใช้ฟันปลอมทดแทนฟันจริงเพียง 1-2 ซี่
1.3 ฟันปลอมฐานโลหะ มีความแข็งแรงที่สุด ทนทาน ใช้เคี้ยวอาหารได้ดี ทั้งยังยึดเกาะฟันได้ดี ซึ่งสามารถใช้งานได้นาน โดยฐานโลหะจะมีความบางกว่าฐานพลาสติก แต่อาจใช้ระยะเวลาการทำฟันปลอมประเภทนี้หลายครั้งมากกว่าฐานพลาสติก โดยทั่วไปจะใช้ระยะเวลาในการทำประมาณ 2-4 ครั้ง ขึ้นอยู่กับจำนวนฟันที่หายไปของคนไข้
1.4 ฟันปลอมฐานโพลิเมอร์ (PEEK) มีความยืดหยุ่น แข็งแรง น้ำหนักเบา เหมาะสำหรับผู้ที่แพ้โลหะ หรือไม่ต้องการให้เห็นสีโลหะ
2. ฟันปลอมแบบถอดได้ทั้งช่องปาก สำหรับคนไข้รายที่ฟันหายไปทั้งหมด ทั้งขากรรไกรบนและขากรรไกรล่าง จำเป็นต้องทำฟันปลอมแบบถอดได้ทั้งช่องปาก มีลักษณะเป็นฟันปลอมฐานพลาสติก หรือมีการเสริมโครงโลหะที่ฐานฟันปลอมเพื่อเพิ่มความแข็งแรง โดยทั่วไปจะใช้ระยะเวลาในการทำประมาณ 4 ครั้ง
3. ฟันปลอมแบบติดแน่น สำหรับผู้ที่ไม่ต้องการถอดฟันปลอมเข้า-ออก มีความเป็นธรรมชาติเหมือนฟันจริง
ฟันปลอมติดแน่นจะมี 2 ประเภท
3.1 สะพานฟัน: เหมาะสำหรับตำแหน่งที่ไม่สามารถใส่รากฟันเทียมได้ เนื่องจากมีข้อเสียคือ จำเป็นต้องกรอเนื้อฟันข้างเคียง
3.2 รากฟันเทียม: มีความเป็นธรรมชาติ ลักษณะและการใช้งานเหมือนฟันจริง ไม่จำเป็นต้องกรอเนื้อฟันข้างเคียง
ทั้งนี้ การเลือกประเภทฟันปลอม ต้องการประเมินร่วมกันทั้งสุขภาพช่องปากและความต้องการของคนไข้ เพื่อให้ได้ฟันปลอมที่ใช้งานได้ดีที่สุดสำหรับคนไข้แต่ละคนค่ะ
เลือกใช้ฟันปลอมแบบไหนดี
การเลือกใช้ฟันปลอม ควรเลือกใช้งานให้เหมาะสมกับรูปแบบของฟันในช่องปากของคนไข้นะคะ
- หากคนไข้ต้องการใช้ฟันปลอมเพียงไม่กี่ซี่ หรือยังมีฟันแท้หลงเหลืออยู่เป็นจำนวนมาก แนะนำให้ใช้รากฟันเทียม หรือฟันปลอมแบบถอดได้บางส่วนนะคะ และหากคนไข้ต้องการทำฟันปลอมเพียง 1-2 ซี่เท่านั้น ก็สามารถทำฟันปลอมฐานยืดหยุ่น เพื่อการใช้งานที่สะดวกสบายมากขึ้นได้ค่ะ
2. หากคนไข้ไม่มีฟันเหลืออยู่เลย หรือเหลือฟันในช่องปากเพียงไม่กี่ซี่ หรือฟันที่เหลืออยู่ไม่แข็งแรงอีกต่อไปแล้ว แนะนำให้ถอนฟันออก และเลือกใช้ฟันปลอมแบบถอดได้ทั้งช่องปาก หรือจะเป็นฟันปลอมถอดได้ทั้งปากที่ยึดอยู่บนรากฟันเทียม เพื่อการใช้งานที่ดียิ่งขึ้นนะคะ
การใช้ฟันปลอม นอกจากจะช่วยในเรื่องการใช้งานของฟันให้มีประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครั้งยังมีฟันอยู่ครบทั้งช่องปากแล้ว ยังช่วยเสริมบุคลิกภาพ ให้ยิ้มของคุณสดใส น่ามองเหมือนเช่นเดิมอีกด้วยนะคะ หากมีข้อสงสัยเรื่องฟันปลอม สามารถปรึกษากับ Dental Life Clinic ได้เสมอนะคะ ทางคลินิกพร้อมให้คำปรึกษาอย่างเหมาะสมตลอดเวลาค่ะ
ติดต่อสอบถาม นัดหมาย (ฟรี)
410 /118 ซอยรัชดาภิเษก 22 ถนนรัชดาภิเษก
แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร 10310
โทร : 02-938-9178, 083-070-5955
Line : dentallifeclinic22