ฟันหายหลายซี่ ทำรากฟันเทียม หรือ ฟันปลอม แบบไหนดีกว่ากัน ?
ฟันหายหลายซี่… จะเลือก “รากฟันเทียม” หรือ “ฟันปลอม” แบบไหนดีที่สุด?
ลองนึกภาพว่าคุณกำลังทานอาหารจานโปรด แต่กลับเคี้ยวได้ไม่สะดวกเหมือนเคย หรือคุณต้องพูดคุยกับใครสักคน แต่กลับรู้สึกไม่มั่นใจในรอยยิ้มของตัวเอง ปัญหาฟันที่หายไปหลายซี่ไม่ใช่แค่เรื่องของความสวยงาม แต่ยังส่งผลต่อการใช้ชีวิตในทุก ๆ วัน
เมื่อถึงเวลาต้องเลือกวิธีทดแทนฟันที่สูญเสีย หลายคนอาจสงสัยว่า “ควรเลือกทำรากฟันเทียมหรือใส่ฟันปลอมดี?” วิธีไหนจะให้ความรู้สึกเหมือนฟันธรรมชาติมากที่สุด? แบบไหนทนทานกว่ากัน? และที่สำคัญ แบบไหนเหมาะกับคุณที่สุด?
วันนี้ Dental Life Clinic จะพาคุณไปเจาะลึกถึงข้อดีของ รากฟันเทียม และฟันปลอมแบบต่าง ๆ พร้อมคำแนะนำจากทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจที่สุด! พร้อมแล้วไปอ่านได้เลย
รากฟันเทียม (Dental Implants)
รากฟันเทียมคืออะไร?
รากฟันเทียมคือการปลูกถ่ายรากฟันเทียมที่ทำจากไทเทเนียมหรือเซรามิกลงไปในกระดูกขากรรไกร ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นฐานรองรับฟันปลอมแบบติดแน่น (Crown หรือ Bridge) หรือใช้เป็นจุดยึดฟันปลอมทั้งปาก
ข้อดีของรากฟันเทียม
- ให้ความรู้สึกเหมือนฟันธรรมชาติ เพราะรากฟันเทียมมีความแข็งแรงและสามารถใช้งานได้เหมือนฟันแท้
- ป้องกันการสูญเสียกระดูกขากรรไกร เนื่องจากช่วยกระตุ้นกระดูกขากรรไกร ทำให้ไม่เกิดการยุบตัวของกระดูก
- ความสวยงามและความมั่นใจ ไม่มีปัญหาเรื่องฟันปลอมเลื่อนหลุด สามารถพูดและยิ้มได้อย่างมั่นใจ
- อายุการใช้งานยาวนาน โดยเฉลี่ยแล้วมากกว่า 10 ปีขึ้นไป หากดูแลรักษาดี รากฟันเทียมสามารถอยู่ได้ตลอดชีวิต
ข้อจำกัดของรากฟันเทียม
- ราคาของรากฟันเทียมค่อนข้างแพงกว่าฟันปลอม
- จำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัดและรอให้รากฟันเทียมเชื่อมกับกระดูก ซึ่งใช้เวลาหลายเดือน
- ผู้ที่มีโรคเรื้อรังบางชนิดหรือมีปริมาณกระดูกขากรรไกรไม่เพียงพอ อาจต้องทำการปลูกกระดูกก่อน
การทำรากฟันเทียมที่เหมาะสมกับจำนวนฟันที่สูญเสีย
- หากสูญเสียฟัน 1 ซี่ รากฟันเทียมที่เหมาะสม ได้แก่
รากฟันเทียมเดี่ยว (Single Dental Implant) โดยทำการฝังรากฟันเทียม 1 ตัวลงไปในกระดูกขากรรไกรเพื่อทำหน้าที่เป็นรากฟัน จากนั้นจึงติดครอบฟัน (Dental Crown) บนรากฟันเทียม วิธีนี้ช่วยรักษาสภาพฟันข้างเคียงได้ดี เนื่องจากไม่ต้องกรอฟันเพื่อทำสะพานฟัน และยังช่วยป้องกันการละลายตัวของกระดูกขากรรไกรอีกด้วย
- หากสูญเสียฟัน 2 ซี่ติดกัน รากฟันเทียมที่เหมาะสม ได้แก่
รากฟันเทียม 2 ตัว หรือ สะพานฟันบนรากฟันเทียม (Implant-Supported Bridge)สามารถเลือกฝังรากฟันเทียม 2 ตัว และติดครอบฟันบนแต่ละตัวได้
อีกทางเลือกหนึ่งคือ สะพานฟันบนรากฟันเทียม ซึ่งอาจใช้รากฟันเทียมเพียง 1 หรือ 2 ตัวเป็นฐานรองรับสะพานฟัน วิธีนี้ช่วยลดจำนวนรากฟันเทียมที่ต้องฝังลงไป ทำให้มีค่าใช้จ่ายที่ประหยัดขึ้นในขณะที่ยังให้ผลลัพธ์ที่มั่นคงและเป็นธรรมชาติ
- หากสูญเสียฟัน 3-4 ซี่ติดกัน รากฟันเทียมที่เหมาะสม ได้แก่
สะพานฟันบนรากฟันเทียม (Implant-Supported Bridge) การฝังรากฟันเทียมสำหรับฟันทุกซี่อาจไม่จำเป็น สามารถใช้ สะพานฟันบนรากฟันเทียม ที่มีรากฟันเทียม 2 ตัวเป็นหลักยึดรองรับฟันปลอม 3-4 ซี่แทน วิธีนี้ช่วยลดจำนวนรากฟันเทียมที่ต้องฝัง ทำให้กระบวนการรักษาเร็วขึ้น ลดค่าใช้จ่าย และยังคงให้ผลลัพธ์ที่แข็งแรงและดูเป็นธรรมชาติ
ฟันปลอม (Dentures)
ฟันปลอมคืออะไร?
ฟันปลอมคืออุปกรณ์ที่ใช้ทดแทนฟันที่หายไป สามารถถอดออกได้ มีสองประเภทหลักคือ ฟันปลอมบางส่วน (Partial Dentures) และฟันปลอมทั้งปาก (Full Dentures)
ข้อดีของฟันปลอม
- มีราคาถูกกว่ารากฟันเทียม เป็นทางเลือกที่คุ้มค่า และเข้าถึงได้ง่าย
- ไม่ต้องผ่าตัด การใส่ฟันปลอมไม่ต้องผ่าตัด ลดความซับซ้อนของขั้นตอนการรักษา
- กระบวนการทำรวดเร็ว สามารถทำฟันปลอม และใช้งานได้ภายในไม่กี่สัปดาห์
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีกระดูกขากรรไกรน้อย ไม่ต้องปลูกกระดูกเหมือนกับรากฟันเทียม
ข้อจำกัดของฟันปลอม
- อาจไม่กระชับพอดีตลอดเวลา เมื่อเวลาผ่านไป ฟันปลอมอาจหลวมและต้องมีการปรับแก้
- ต้องถอดออกมาทำความสะอาด ต้องดูแลรักษาเป็นพิเศษเพื่อป้องกันการสะสมของเชื้อแบคทีเรีย
- อาจส่งผลต่อการพูดและการเคี้ยวอาหาร บางคนอาจรู้สึกไม่สะดวกในช่วงแรกของการใช้งาน
- ไม่มีการกระตุ้นกระดูกขากรรไกร อาจทำให้กระดูกขากรรไกรยุบตัวลงเรื่อยๆ ส่งผลต่อรูปหน้าในระยะยาว
การทำฟันปลอมที่เหมาะสมกับจำนวนฟันที่สูญเสีย
- หากสูญเสียฟัน 1 ซี่ ฟันปลอมที่เหมาะสม ได้แก่
ฟันปลอมแบบถอดได้เฉพาะซี่ (Removable Partial Denture – RPD) เนื่องจากมีราคาไม่สูงและสามารถทำได้ง่าย แต่มีความมั่นคงน้อยกว่ารากฟันเทียมหรือสะพานฟัน การใช้ฟันข้างเคียงเป็นหลักยึดในการรองรับฟันปลอมจะช่วยให้ฟันปลอมสามารถทำงานได้ แต่ไม่ค่อยมั่นคงเท่าการทำสะพานฟันหรือรากฟันเทียม
- หากสูญเสียฟัน 2 ซี่ติดกัน ฟันปลอมที่เหมาะสม ได้แก่
ฟันปลอมแบบถอดได้เฉพาะซี่ (Removable Partial Denture – RPD): ฟันปลอมแบบถอดได้เป็นทางเลือกที่สะดวกและมีราคาที่ไม่สูง เหมาะสำหรับการสูญเสียฟัน 2 ซี่ติดกัน โดยไม่จำเป็นต้องกรอฟันข้างเคียง
การทำสะพานฟัน (Dental Bridge): โดยสะพานฟันสามารถใช้ได้ในกรณีที่มีฟันข้างเคียงที่แข็งแรงเพียงพอ แต่จะต้องกรอฟันข้างเคียงเพื่อทำการยึดสะพานฟัน อาจจะต้องมีการปรับแต่งฟันข้างเคียงบางส่วนเพื่อให้สะพานฟันทำงานได้ดี
- หากสูญเสียฟัน 3 ซี่ติดกัน ฟันปลอมที่เหมาะสม ได้แก่
ฟันปลอมแบบถอดได้เฉพาะซี่ (Removable Partial Denture – RPD): ฟันปลอมประเภทนี้ยังคงเป็นตัวเลือกที่ดี แม้จะสูญเสียฟัน 3 ซี่ติดกัน แต่ความมั่นคงของฟันปลอมอาจจะลดลงเมื่อเทียบกับรากฟันเทียมหรือสะพานฟัน
การทำสะพานฟัน (Dental Bridge):
สะพานฟันสามารถใช้ได้ในกรณีนี้ แต่จะต้องกรอฟันข้างเคียงมากขึ้น การทำสะพานฟันในกรณีนี้อาจจะไม่เหมาะหากฟันข้างเคียงไม่แข็งแรงเพียงพอ
- หากสูญเสียฟัน 4 ซี่ติดกัน ฟันปลอมที่เหมาะสม ได้แก่
ฟันปลอมแบบถอดได้เฉพาะซี่ (Removable Partial Denture – RPD): ฟันปลอมประเภทนี้เป็นทางเลือกที่คุ้มค่าและประหยัดมากที่สุด แต่เมื่อสูญเสียฟันหลายซี่ ฟันปลอมแบบถอดได้อาจจะไม่มั่นคงเท่าฟันปลอมชนิดอื่น ๆ
การทำสะพานฟัน (Dental Bridge): สะพานฟันสามารถใช้งานได้ในกรณีนี้หากฟันข้างเคียงมีความแข็งแรงพอ แต่การกรอฟันข้างเคียงหลายซี่อาจทำให้เกิดความเสี่ยงในการสึกหรอของฟันข้างเคียง และอาจเกิดปัญหาต่อสุขภาพฟันในระยะยาว
หากสูญเสียฟันหลายซี่หรือทั้งปากควรเลือกทำแบบไหนดี ?
- รากฟันเทียมแบบหลายซี่ (Multiple Dental Implants)
สำหรับผู้ที่สูญเสียฟันหลายซี่แต่ยังมีสุขภาพกระดูกขากรรไกรแข็งแรง สามารถเลือกทำรากฟันเทียมหลายซี่เพื่อรองรับสะพานฟัน (Implant-Supported Bridge) วิธีนี้จะช่วยลดจำนวนรากฟันเทียมที่ต้องฝังแต่ยังคงให้ความมั่นคงและทนทานมากกว่าฟันปลอมแบบถอดได้
ข้อดี:
- มีความมั่นคงสูงกว่าฟันปลอมแบบถอดได้
- ให้ความรู้สึกเหมือนฟันธรรมชาติ
- ไม่ต้องใช้ฟันธรรมชาติเป็นหลักยึดเหมือนสะพานฟันทั่วไป
- รากฟันเทียมทั้งปาก (All-on-4 / All-on-6 Implants)
สำหรับผู้ที่สูญเสียฟันทั้งปาก การทำรากฟันเทียมแบบ All-on-4 หรือ All-on-6 เป็นทางเลือกที่ดี โดยใช้รากฟันเทียมเพียง 4-6 ตัวต่อขากรรไกร เพื่อรองรับสะพานฟันแบบติดแน่น
ข้อดี:
- มีความมั่นคงและสะดวกสบายกว่าฟันปลอมแบบถอดได้
- ช่วยกระตุ้นกระดูกขากรรไกร ลดการยุบตัวของกระดูก
- สามารถใช้งานได้เหมือนฟันธรรมชาติ
- ฟันปลอมทั้งปากแบบถอดได้ (Full Dentures)
สำหรับผู้ที่สูญเสียฟันทั้งปากและต้องการทางเลือกที่คุ้มค่ากว่า การใช้ฟันปลอมทั้งปากเป็นตัวเลือกที่ประหยัดและเข้าถึงได้ง่าย
ข้อดี:
- ราคาไม่สูงเมื่อเทียบกับรากฟันเทียม
- ไม่ต้องเข้ารับการผ่าตัด
- กระบวนการทำรวดเร็ว
สรุป
การเลือกทดแทนฟันที่หายไปขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ทั้งสุขภาพช่องปาก งบประมาณ และความต้องการของแต่ละบุคคล รากฟันเทียมเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่ต้องการความมั่นคงและอายุการใช้งานที่ยาวนาน ในขณะที่ฟันปลอมเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า และเข้าถึงได้ง่าย หากคุณยังไม่แน่ใจว่าควรเลือกแบบไหน ควรปรึกษาทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมกับสภาพช่องปากของคุณมากที่สุด
สำหรับใครที่อยากปรึกษาปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพฟันและช่องปาก สามารถเข้ามาปรึกษาได้ที่ Dental Life Clinic ได้ตลอดนะครับ เราพร้อมให้คำแนะนำ และให้การดูแลรักษาอย่างเต็มที่ เพื่อผลลัพธ์ที่ดี พร้อมทั้งสุขภาพในช่องปากที่ดีครับ 🩺🥰
.
ปรึกษาเราได้ฟรี!
083-070-5955, 02-938-9178
Inbox : https://m.me/dentallifeclinic
Line : @dentallife หรือคลิก https://lin.ee/R5pISY5
แผนที่ : https://goo.gl/maps/jkHoQaHvMVEtYx4i6