จัดฟันรอบสองต่างจากรอบแรกอย่างไร? ต้องเตรียมตัวอย่างไร? Dental Life หาคำตอบมาให้แล้ว
เชื่อว่าหลาย ๆ คนที่เข้ามาอ่านบทความนี้ คงมีปัญหาที่เผชิญคล้าย ๆ กัน คือ หลังจากจัดฟันไปแล้ว ฟันมีการเคลื่อนที่กลับ (Relapse) ทำให้กลับมาซ้อนเกเหมือนเดิม หรือบางคนที่เคยจัดฟันแล้ว แต่ยังไม่พอใจกับผลลัพธ์ จนหลายคนอยากกลับมาจัดฟันรอบสองเพื่อแก้ไขปัญหาฟันให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น
ถ้าคุณกำลัเผชิญปัญหาเหล่านี้อยู่ล่ะก็ ในบทความนี้ Dentel Life Clinic จะพาทุกคนไปทำความเข้าใจว่าการจัดฟันรอบสองคืออะไร สาเหตุที่ทำให้ต้องกลับมาจัดฟันใหม่คืออะไร แตกต่างจากรอบแรกอย่างไร ใครสามารถจัดได้บ้าง มีข้อควรระวังอย่างไร และต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง เราจะมาตอบคำถามทุกแง่มุม เพื่อให้คุณได้รับการรักษาได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
การจัดฟันรอบสองคืออะไร ? แตกต่างจากการจัดฟันรอบแรกอย่างไร ?
การจัดฟันรอบสอง คือ การรักษาทางทันตกรรมจัดฟันซ้ำอีกครั้ง หลังจากที่เคยจัดฟันมาแล้วในอดีต ซึ่งอาจเกิดขึ้นเนื่องจากฟันเคลื่อนตัวผิดตำแหน่ง ภาวะกัดผิดปกติ หรือปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพช่องปากที่ต้องได้รับการแก้ไขเพิ่มเติม แม้ว่าการจัดฟันรอบแรกจะสามารถแก้ไขปัญหาส่วนใหญ่ได้ แต่ในบางกรณีอาจต้องได้รับการจัดฟันเพิ่มเติมเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สมบูรณ์แบบมากขึ้น
สาเหตุที่ทำให้ต้องจัดฟันรอบสอง
มีหลายปัจจัยที่อาจส่งผลให้ต้องกลับมาจัดฟันรอบสอง โดยทั่วไปสาเหตุหลัก ๆ ได้แก่:
- ฟันเคลื่อนที่กลับ – หากไม่ได้ใส่รีเทนเนอร์อย่างเคร่งครัดหลังการจัดฟันรอบแรก ฟันอาจค่อย ๆ เคลื่อนกลับไปตำแหน่งเดิมหรือผิดรูป
- การเจริญเติบโตของกระดูกขากรรไกร ในบางกรณี การเจริญเติบโตของกระดูกขากรรไกรอาจทำให้ฟันเรียงตัวผิดปกติหลังจากการจัดฟันรอบแรก
- ปัญหาทางทันตกรรมเพิ่มเติม บางคนอาจพบปัญหาเกี่ยวกับการสบฟันหรือสุขภาพเหงือกที่ส่งผลต่อการเรียงตัวของฟัน
- ไม่ได้ปฏิบัติตามคำแนะนำของทันตแพทย์ ทำให้แผนการรักษาที่ไม่ครบถ้วน ผู้ที่ละเลยการดูแลฟันหลังจัดฟัน เช่น ไม่ใส่รีเทนเนอร์หรือละเลยการตรวจสุขภาพฟันประจำปี อาจต้องกลับมาจัดฟันอีกครั้ง
- ผลกระทบจากการจัดฟันแฟชั่น ส่งผลเสียร้ายแรงต่อการเรียงตัวของฟัน ทำให้เกิดปัญหาการสบฟันผิดปกติและอาจต้องใช้เวลารักษานานกว่าปกติ เพื่อแก้ไขโครงสร้างฟันให้กลับมาอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง
ขั้นตอนการเตรียมตัวก่อนจัดฟันรอบสอง
หากคุณต้องการจัดฟันรอบสอง ควรเตรียมตัวตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
- ปรึกษาทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
ก่อนตัดสินใจจัดฟันใหม่ ควรปรึกษาทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านจัดฟันเพื่อตรวจสอบสภาพฟันและประเมินปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไข
- ตรวจสุขภาพช่องปาก
ก่อนเริ่มการจัดฟัน ควรตรวจสุขภาพช่องปากให้แน่ใจว่าไม่มีฟันผุ เหงือกอักเสบ หรือปัญหาสุขภาพฟันอื่น ๆ ที่อาจส่งผลต่อการรักษา
- พิจารณาทางเลือกในการจัดฟัน
โดยปัจจุบันมีการจัดฟันหลายวิธีในการจัดฟันรอบสอง เช่น
- จัดฟันแบบโลหะ (Metal Braces) เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการการแก้ไขที่แม่นยำ และมีค่าใช้จ่ายไม่สูงมาก
- จัดฟันแบบใส (Invisalign) เป็นที่นิยมสำหรับผู้ที่ต้องการความสะดวก และความสวยงามขณะจัดฟัน
- จัดฟันแบบเซรามิก (Ceramic Braces) เป็นอีกทางเลือกที่มองเห็นได้น้อยกว่าการจัดฟันโลหะ แต่ยังคงมีประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาการเรียงตัวของฟัน
- เตรียมตัวด้านการเงิน
การจัดฟันรอบสองอาจมีค่าใช้จ่ายที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับประเภทของอุปกรณ์จัดฟันและระยะเวลาการรักษา ดังนั้นควรวางแผนทางการเงินให้พร้อมก่อนเริ่มการรักษา
ข้อดีของการจัดฟันรอบสอง
- แก้ไขปัญหาฟันเคลื่อนที่กลับ
การจัดฟันรอบสองช่วยให้ฟันเรียงตัวสวยงามขึ้นและทำให้การสบฟันมีความสมดุลมากขึ้น ซึ่งช่วยลดปัญหาการบดเคี้ยว และอาการปวดขากรรไกรที่อาจเกิดขึ้นจากการสบฟันผิดปกติ
- ช่วยปรับรูปหน้าและรอยยิ้ม
การเรียงตัวของฟันที่เหมาะสมส่งผลต่อโครงสร้างของใบหน้า ทำให้ใบหน้าดูสมส่วนมากขึ้น และรอยยิ้มดูมีเสน่ห์ ส่งผลให้เกิดความมั่นใจมากขึ้นในชีวิตประจำวัน
- ลดความเสี่ยงของปัญหาทางทันตกรรมในอนาคต
ฟันที่เรียงตัวไม่ดีอาจทำให้เกิดปัญหาฟันผุ โรคเหงือก และการสึกหรอของฟันที่ผิดปกติ การจัดฟันรอบสองช่วยลดโอกาสการเกิดปัญหาเหล่านี้ ทำให้สุขภาพช่องปากดีขึ้นในระยะยาว
- ช่วยให้การเคี้ยวอาหารและการพูดดีขึ้น
ฟันที่เรียงตัวอย่างถูกต้องช่วยให้การเคี้ยวอาหารมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดปัญหาการบดเคี้ยวที่ไม่เต็มประสิทธิภาพ และยังช่วยให้การออกเสียงชัดเจนขึ้นในบางกรณีที่ฟันมีผลต่อการออกเสียงคำพูด
ใครที่ไม่สามารถจัดฟันรอบสองได้ ?
แม้ว่าการจัดฟันรอบสองจะเป็นทางเลือกสำหรับหลายคนที่ต้องการแก้ไขปัญหาฟันเพิ่มเติม แต่ก็มีบางกรณีที่อาจไม่สามารถทำได้หรือควรพิจารณาให้รอบคอบก่อนตัดสินใจ
- กระดูกขากรรไกรไม่แข็งแรงพอ หากกระดูกมีการละลาย หรือเสื่อมสภาพจากโรคเหงือก หรือปัญหาสุขภาพอื่น ๆ อาจทำให้การเคลื่อนที่ของฟันเป็นไปได้ยาก
- มีปัญหาโรคเหงือกหรือฟันผุรุนแรง คนที่มีปัญหาเหงือกอักเสบเรื้อรังหรือฟันผุหนัก อาจต้องรักษาสุขภาพช่องปากให้ดีก่อน จึงจะสามารถพิจารณาการจัดฟันรอบสองได้
- ภาวะกระดูกขากรรไกรผิดปกติรุนแรง หากการสบฟันผิดปกติอย่างมาก การผ่าตัดขากรรไกรแทนการจัดฟันรอบสองอาจจะให้ประสิทธิภาพมากกว่า
- อายุและสภาพร่างกาย แม้ว่าการจัดฟันรอบสองจะไม่มีการจำกัดเพดานอายุในการจัดฟัน แต่ในบางกรณี ผู้สูงอายุที่มีการเสื่อมของเนื้อเยื่อรอบฟัน หรือมีปัญหาเรื่องสุขภาพช่องปาก อาจทำให้การเคลื่อนที่ของฟันเป็นไปได้ยาก ทำให้ไม่สามารถจัดฟันรอบสองได้
ข้อควรระวังของการจัดฟันรอบสอง
หากคุณสามารถจัดฟันรอบสองได้ ก็ควรพิจารณาข้อควรระวังต่อไปนี้ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี และไม่เสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ ดังนี้
- ระยะเวลาการจัดฟันรอบสองอาจนานกว่ารอบแรก ในกรณีแก้ไขจัดฟันแฟชั่น คุณอาจต้องใช้เวลาในการรักษามากกว่าเดิม เพราะฟันที่เคยเคลื่อนที่มาแล้วอาจตอบสนองต่อการจัดฟันช้าลง ทำให้ต้องใช้เวลาการรักษานานขึ้น
- ต้องดูแลฟันและเหงือกมากขึ้นเป็นพิเศษ เพราะการจัดฟันรอบสอง อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อปัญหาเหงือกอักเสบและฟันผุได้มากกว่ารอบแรก หากดูแลความสะอาดช่องปากไม่ดีพอ
- ค่าใช้จ่ายอาจสูงขึ้นจากการจัดฟันซ้ำซ้อน การจัดฟันรอบสองมักมีค่าใช้จ่ายสูง เนื่องจากต้องปรับแผนรักษาให้เหมาะสมกับสภาพฟันที่เปลี่ยนไป
- ผลลัพธ์อาจไม่สมบูรณ์แบบ 100% ในบางกรณี ฟันอาจไม่สามารถเรียงตัวได้อย่างสมบูรณ์เหมือนที่คาดหวัง เนื่องจากข้อจำกัดของโครงสร้างกระดูกฟัน
สรุป
การจัดฟันรอบสองเป็นทางเลือกที่ช่วยแก้ไขปัญหาฟันที่อาจเกิดขึ้นหลังจากการจัดฟันรอบแรก หากคุณรู้สึกว่าฟันเริ่มเคลื่อนผิดตำแหน่งหรือมีปัญหาในการสบฟัน ควรปรึกษาทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินสภาพฟันและเลือกแนวทางการรักษาที่เหมาะสม ทั้งนี้ การดูแลฟันหลังการจัดฟันเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยลดโอกาสในการต้องกลับมาจัดฟันใหม่อีกครั้ง
สำหรับใครที่อยากปรึกษาปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพฟันและช่องปาก สามารถเข้ามาปรึกษาได้ที่ Dental Life Clinic ได้ตลอดนะครับ เราพร้อมให้คำแนะนำ และให้การดูแลรักษาอย่างเต็มที่ เพื่อผลลัพธ์ที่ดี พร้อมทั้งสุขภาพในช่องปากที่ดีครับ 🩺🥰
.
ปรึกษาเราได้ฟรี!
083-070-5955, 02-938-9178
Inbox : https://m.me/dentallifeclinic
Line : @dentallife หรือคลิก https://lin.ee/R5pISY5